น้ำมันมะพร้าว สิ่งดีๆที่ไม่ควรมองข้าม

น้ำมันมะพร้าว สิ่งดีๆที่ไม่ควรมองข้าม

น้ำมันมะพร้าว มะพร้าวเป็นพืชที่อยู่คู่วิถีชีวิตคนไทยมายาวนาน แน่นอนว่าคนยุค 90 ต้องเคยเห็นการใช้ผลมะพร้าวลอยน้ำแทนห่วงยาง ปลาตะเพียนหรือลูกตะกร้อสานจากใบมะพร้าว เตี่ยวห่อขนมทำจากใบมะพร้าวสด ไม้กวาด และไม้กลัด ใบตองทำจากทางมะพร้าวแต่ปัจจุบันมะพร้าวเป็นได้มากกว่านั้นค่ะ

สำหรับคนรักสุขภาพต้องยกให้น้ำมันมะพร้าวเป็นนางเอก เพราะมีคุณประโยชน์มากมายเหลือเกินบทความนี้ วิณพา เลยอยากชวนมาเรียนรู้ประโยชน์อันแสนมหัศจรรย์ของน้ำมันมะพร้าวกันค่ะ

น้ำมันมะพร้าวเพื่อสุขภาพ

สำหรับคนโบราณแล้ว น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ต้องได้มาจากมะพร้าวที่แก่คาต้น และหล่นลงมาเอง เพราะนั่นหมายความว่าเนื้อในของมะพร้าวได้แห้งสนิท ไม่มี น้ำมะพร้าวหลงเหลืออยู่ เนื้อมะพร้าวแห้งหนึ่งผลสามารถสกัดน้ำมันมะพร้าว บริสุทธิ์ออกมาได้เพียง 20 – 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งในทางอายุรเวทถือว่าน้ำมันมะพร้าวจากมะพร้าวที่แก่คาต้นนี้เป็นน้ำมันที่มีสรรพคุณทางยาที่ดีที่สุด

แต่ในปัจจุบันเรามีน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ที่สามารถคงคุณค่าสารอาหารตามธรรมชาติของน้ำมันมะพร้าวไว้ได้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วยการสกัดเย็น (Cold Pressed) ที่ไม่ใช้สารเคมีและความร้อนในการผลิต ทำให้ได้น้ำมันมะพร้าวที่มีความบริสุทธิ์ ใส มีกลิ่นหอม และมีอายุนานเป็นปีโดยไม่เสื่อมคุณภาพ

น้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริก (Lauric Acid) ที่มีคุณสมบัติเหมือนกับสารอาหาร ที่มีอยู่ในน้ำนมแม่สูงถึง 50 – 53 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็น สารโมโนลอริน ซึ่งเป็นสารปฏิชีวนะตามธรรมชาติ นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวยังมีโปรตีน แคลเซียม โซเดียม โพแทสเซียมในปริมาณสูง

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ให้กรดไขมันความยาวขนาดกลาง (Shot and Medium- Chain Fatty Acids) ซึ่งเมื่อกินเข้าไปจะมีปฏิกิริยาคล้ายน้ำตาล คือถูกส่งผ่าน กระแสเลือดโดยตรง จึงเข้าสู่เซลล์และสลายตัวได้เร็ว มีส่วนช่วยกระตุ้นการ เผาผลาญอาหารในร่างกาย จนเป็นที่มาของสูตร Coconut Diet หลากหลายสูตรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

ลดน้ำหนักด้วยน้ำมันมะพร้าว

การกินน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดความอ้วน ได้รับการจุดประกายจากแนวคิดของแอตกินส์ ไดเอต (Atkins Diet) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ดาราฮอลลีวู้ด เช่น เจนนิเฟอร์ อนิสตัน

ทฤษฎีแอตกินส์แนะนำให้กินน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ควบคู่กับอาหารแบบโลว์คาร์บ ซึ่งเป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ โดยอาจนำมาผสมกับสมู้ตที น้ำสลัด หรือ ซอส วันละ 2 – 3 ช้อนโต๊ะ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกราช เกตวัลห์ สถาบัน โภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลไว้ว่า

“ตัวน้ำมันมะพร้าวเองนั้นเป็นไขมันมีกรดไขมันสายปานกลางจึงย่อยได้ง่าย ซึ่งอาจย่อยได้ที่กระเพาะอาหาร ลำไส้ และดูดซึมที่ลำไส้เล็ก นอกจากนี้ยังมีข้อดีที่ เผาผลาญเป็นพลังงานได้เร็ว จึงเกิดการสะสมของกรดไขมัน ในร่างกายได้น้อยกว่ากรดไขมันที่มีโมเลกุลสายยาว”

อย่างไรก็ตาม ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม โดย เมื่อรวมกับน้ำมันและไขมันในอาหารชนิดอื่นๆ ต้องไม่เกิน วันละ 3 – 4 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันมะพร้าวต้านอัลไซเมอร์

ดร.แมรี่ นิวพอร์ท (Dr. Mary Newport) จาก Foundation for Alternative and Integrative Medicine ได้ทำการศึกษาเรื่องน้ำมัน มะพร้าวเยียวยาอัลไซเมอร์กับสามีซึ่งป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ โดยผสม น้ำมันมะพร้าวลงในอาหารของสามีวันละ 7 ช้อนชาทุกวัน

ผลการศึกษาพบว่า หลังจากกินน้ำมันมะพร้าวต่อเนื่องนาน 37 วัน ผู้ป่วยเริ่มมีอาการดีขึ้น หลังจากกินน้ำมันมะพร้าว 60 วัน อาการของ ผู้ป่วยดีขึ้น สามารถจดจำชื่อญาติพี่น้องได้ อารมณ์ดีและคงที่ สามารถพูดคุยเรื่องตลก ไม่ซึมเศร้า และมีสมาธิจดจ่ออยู่กับกิจกรรมที่ทำระหว่าง วันได้ดีขึ้น

ดร.แมรี่แนะนำให้กินน้ำมันมะพร้าวกับอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า – 3 เช่น ปลาแซลมอน สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง

สวยทั่วเรือนร่างด้วยน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น

น้ำมันมะพร้าวอัดแน่นด้วยอาหารผิวที่จะช่วยบำรุงเซลล์ที่อยู่ภายใน เช่น วิตามินอี ช่วยให้เซลล์ เต่งตึง สารต้านอนุมูลอิสระช่วยซ่อมแซมเซลล์ ที่ทำให้ผิวมีริ้วรอยเหี่ยวย่นให้ฟื้นคืนสภาพจึงแลดูอ่อนเยาว์ ตัวน้ำมันมีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจาก แสงแดด ใช้ทาแทนมอยส์เจอไรเซอร์ช่วยป้องกันแสงยูวีได้อย่างน้อย 25 เปอร์เซ็นต์ ปกป้องผิวจาก สภาพอากาศ มลภาวะ ฝุ่นละออง และรักษาความ ชุ่มชื้นในชั้นผิวหนังเอาไว้ได้นาน การใช้น้ำมันมะพร้าว ลูบไล้บริเวณจุดหยาบกร้านต่างๆ เช่น ข้อศอกและ หัวเข่า จะทำให้ผิวนุ่มเนียนขึ้น

คุณสมบัติที่โดดเด่นอีกประการของน้ำมันมะพร้าว คือ สามารถเช็ดล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าได้ ทั้งยัง มีกรดลอริก ซึ่งช่วยขจัดเชื้อแบคทีเรียบนใบหน้า

น้ำมันมะพร้าวบำรุงเส้นผม

น้ำมันมะพร้าวช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำ เงางาม ไม่แตกปลาย ทั้งยังช่วยป้องกันผมหงอกก่อนวัย สำหรับคนที่ฃผมแห้งเสียมากๆ เมื่อใช้น้ำมันมะพร้าวหมักและบำรุงเส้นผมไปสักระยะหนึ่ง จะสังเกตเห็นว่าเส้นผมที่เคย จัดทรงยากนั้น หวีได้ง่ายขึ้นและเส้นผมไม่พันกัน