5 เทคนิคกลยุทธ์ การตลาด ที่จะพาให้ธุรกิจของคุณก้าวหน้า..
การตลาด ไม่ขยับเลย ประโยคนี้มีใครเคยเอยออกมาบ้างคะ แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่ทำอาชีพค้าขาย แล้วถ้าพูดถึงการขายของหรือทำธุรกิจสมัยนี้ไม่ต้องมีเงินเพื่อเปิดหน้าร้านแล้ว เพียงแค่คุณมีต้นทุนรับของมาขายโดยผ่านช่องทางของ Social เป็นหลักก็สามารถมีรายได้เป็นก่อเป็นกำขึ้นมาแล้ว การทำ Social Media Marketing ที่น่าจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุดในเวลานี้ก็คงหนีไม่พ้น Facebook เพราะนอกจากจะมีฐานผู้ใช้งานสูงที่สุดในโลกแล้ว ยังสามารถทำโฆษณาแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้ค่อนข้างลึกและละเอียดที่สุด วันนี้ วิณพา จึงมีเทคนิคกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์มาฝากทุกคนกันค่ะ
การตลาด ในสมัยนี้คงหนีไม่พ้นโซเซียลที่เรียกว่า Facebook เพราะเฟสบุ๊คสามารถเก็บทุกอย่างที่ผู้ใช้งานบันทึกลงในเว็บไซต์ไล่ตั้งแต่พื้นฐานอย่างชื่อ สกุล ความชอบความไม่ชอบ กินอะไร เช็คอินที่ไหน รวมไปถึงการระบุสถานะโสด ไม่โสด และความสนใจที่คุณสนทนากับเพื่อนในแชท ฯลฯ Facebook สามารถเก็บได้หมด ด้วยความสามารถพิเศษเหล่านี้จึงช่วยให้ Advertiser สามารถนำไปใช้กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างละเอียดที่จะช่วยให้การตลาดบนแฟนเพจของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- เพิ่มปุ่มแชร์บทความบนเว็บไซต์ไปยัง Facebook ให้เด่นชัด
หากคุณทำการตลาดออนไลน์ สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก็คือ เว็บไซต์คือหน้าบ้านหลักของคุณ ส่วน Facebook หรือ Social Media อื่นๆ เปรียบเสมือนบ้านเช่า ดังนั้นหากคุณจะบุกออนไลน์ คุณจะต้องมีเว็บไซต์เป็นอันดับแรกก่อนจากนั้นให้คุณเริ่มต้นทำ Content ไม่ว่าจะเป็น บทความ รูปภาพ วีดีโอ ลงบนเว็บไซต์แล้ว ให้ทำการติดตั้งปุ่มแชร์ไปยัง Social Media ต่างๆ ให้เห็นได้ง่าย เช่น บริเวณ ด้านบนและด้านล่างสุดของ Content แต่ต้องไม่ลืมว่า Content ของคุณ ต้องเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายของคุณ และมันจะทำให้กลุ่มเป้าหมายของคุณ เริ่มแชร์ เริ่มบอกต่อกันบนโลกโซเชียลนั่นเอง - รู้จักกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของธุรกิจคุณ
ก่อนที่จะทำการโพสต์ Content หรือลงโฆษณาบน Facebook สิ่งสำคัญที่คุณจำเป็นต้องรู้ก่อนก็คือ กลุ่มเป้าหมายที่จะกลายมาเป็นลูกค้าของคุณนั้น เช่น เพศ, อายุ, ที่อยู่อาศัย, ที่ทำงาน, ไลฟ์สไตล์, ความสนใจ, งานอดิเรก, ความชอบ, รายได้ ฯลฯ เป็นต้น กระบวนนี้เรียกว่าการกำหนด Buyer Persona คือการระบุกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสจะมาเป็นลูกค้าของคุณโดยระบุให้เฉพาะเจาะจงที่สุด แต่เป็นสิ่งที่คนขายไม่มองข้ามเป็นอันดับต้นๆ เพราะมุ่งหวังว่าจะให้คนซื้อของตนเองเยอะๆ จึงกำหนดกลุ่มกว้างๆ อุปมาอุปมัยราวกับว่าจะขายทุกคนบนโลกนี้ ซึ่งในทางปฏิบัตินั้นเป็นไปไม่ได้ และกลายเป็นว่าขายไม่ออก เพราะคนเห็นไม่ใช่ลูกค้า ส่วนลูกค้าไม่ได้เห็น เพราะกำหนดกลุ่มผิด และสื่อสารผิดที่ผิดทาง - ใช้ Content หลากหลายรูปแบบ
Content บน Facebook ไม่ได้มีแค่การโพสต์เป็นตัวอักษรอย่างเดียว หลัก ๆ มี 4 รูปแบบที่คุณสามารถทำได้ ได้แก่
2.1 Status : การอัพเดทสถานะทั่วไป ในลักษณะของตัวหนังสือ โดยคิดเป็น 1% ของแบรนด์ระดับโลกที่ใช้การโพสต์ในลักษณะนี้
2.2 Link Post : คิดเป็น 35% ของประเภทการโพสต์ที่แบรนด์มักทำกัน โดยเฉพาะในกลุ่มเพจประเภทข่าวนิยมแชร์ Link Post เป็นอันดับต้นๆ เพราะต้องการทราฟฟิกเข้าเว็บไซต์เพื่อนำยอดคนเข้าเว็บไปหา Sponsor ต่อ
2.3 Photo : การโพสต์แบบรูปภาพ เป็นวิธีที่แบรนด์สินค้าต่างๆ ชอบใช้เป็นอันดับต้น ๆ เพราะเข้าถึงคนง่าย สะดุดสายตา ก่อให้เกิดการแชร์ได้ดี สัดส่วนการโพสต์แบบนี้สูงถึงประมาณ 50%
2.4 Video : การโพสต์แบบวีดีโอ มักได้รับการเข้าถึงที่ดีบน Facebook ณ ปัจจุบัน และมีแบรนด์ใหญ่ ๆ ระดับโลกเลือกใช้การโพสต์ในลักษณะนี้ คิดเป็นค่าเฉลี่ย 6 วีดีโอต่อสัปดาห์ - การตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว
หากคุณสังเกตที่หน้าแฟนเพจของคุณ จะมีหัวข้อหนึ่งที่เขียนเอาไว้ว่า “อัตราการตอบกลับ xx%, เวลาในการตอบกลับ x ชั่วโมง/วัน” หากคุณทำการตอบกลับข้อความของแฟนเพจอย่างรวดเร็วและครอบคลุม (โดยปกติควรตอบ 95% ของจำนวนข้อความทั้งหมด และควรตอบภายใน 5 นาที) สถานะนี้ก็จะเปลี่ยนเป็น “ปกติแล้วตอบกลับโดยทันที” ซึ่งเป็นอัลกอลิทึ่มที่ส่งผลต่อการประมวลผลของ Facebook ของแฟนเพจของคุณว่า มีการตอบสนองที่รวดเร็ว และลูกค้าของคุณก็สามารถเห็นข้อความนี้ได้ และทำให้มั่นใจได้ว่า มีแอดมินหรือทีมงานที่พร้อมจะสนทนากับพวกเขาเหล่านั้นในทันที ซึ่งลูกค้าในปัจจุบัน ใจร้อน หากคุณตอบกลับช้าเกินไป อาจทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจไม่ซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ หรืออย่างแย่ที่สุดก็คือ หันไปซื้อคู่แข่งของคุณแทน - ทำวีดีโอด้วย Facebook Live
การทำวีดีโอผ่าน Facebook Live เป็นฟังก์ชั่นใหม่ ที่ Facebook ให้การเข้าถึงผู้คนได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งการทำ Facebook Live นั้น มีทั้งข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่เราจะพูดถึงข้อดีและข้อได้เปรียบในการทำ Facebook Live กัน โดยหากคุณอัดวีดีโอในฟังก์ชั่น Facebook Live ซึ่งจะเป็นการถ่ายทอดสด ณ ขณะนั้น ซึ่งคุณสามารถโต้ตอบกับทางแฟนเพจของคุณได้โดยตรงและฉับพลัน ซึ่งจะทำให้แฟนเพจของคุณได้ใกล้ชิดกับคุณและธุรกิจของคุณมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นทาง Facebook เอง ยังสนับสนุนให้คนใช้ฟังก์ชั่นนี้ โดยจะสังเกตุได้จาก หากเป็นวีดีโอจาก Facebook Live จะสามารถเข้าถึงผู้คนได้เป็นจำนวนมากกว่า Content ประเภทอื่น และอัตราการลงโฆษณายังมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าอีกด้วย เมื่อเปรียบเทียบจำนวนเงินที่จ่ายไปกับการเข้าถึงผู้คนบน Facebook