ผลเสียของ "น้ำตาล" ที่มากกว่า...โรคเบาหวาน
ผลเสียของ น้ำตาล ภัยอันตรายต่อสุขภาพ ที่สำคัญน้ำตาลเป็นตัวการสำคัญของโรคอ้วน ถึงงแม้จะให้พลังงานได้รวดเร็ว แต่ไม่ค่อยมีสารอาหารเท่าใดนัก และเมื่อร่างกายใช้พลังงานที่รับเข้าไปไม่หมด ตับก็จะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมันไปสะสมทั่วร่างกาย และเมื่อคุณติดใจในความหวาน คุณก็จะยิ่งกินหวานมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทีนี้ไขมันก็จะพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ และก็ตามมาด้วยโรคจากความอ้วนต่างๆ
ถึงแม้ว่าน้ำตาลจะให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ก็มีผลเสียต่อสุขภาพเป็นของแถมตามมาอีกหลาย ไปดูกันว่า ผลเสียของ น้ำตาล มีอะไรบ้าง??
- เมื่อกินน้ำตาลมากเกินไป โดยเฉพาะน้ำตาลเชิงเดี่ยว (น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง น้ำตาลในผลไม้ น้ำตาลในนม) น้ำตาลจะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรดมากเกินไป ร่างกายเกิดภาวะไม่สมดุล จึงมีการดึงแร่ธาตุจากส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายมาแก้ไขความไม่สมดุล
- ทำให้เกิดไขมันสะสม น้ำตาลจะถูกเก็บไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน แต่ถ้ามีมากจนเกินไป ตับก็จะส่งไปยังกระแสเลือดและเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน โดยจะสะสมไว้ในส่วนของร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น สะโพก ก้น ขาอ่อน หน้าท้อง
- หากยังคงกินน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง กรดไขมันจะสะสมไว้ที่อวัยวะภายในอื่น ๆ เช่น หัวใจ ตับ และไต ดังนั้นอวัยวะเหล่านี้จะค่อย ๆ ถูกห่อหุ้มด้วยไขมัน และน้ำเมือก ร่างกายจะเริ่มผิดปกติ ความดันเลือดจะสูงขึ้น
- การกินน้ำตาลมากเกินไป มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน
- อาการปวดศีรษะเรื้อรัง เป็นตะคริวเวลามีรอบเดือน เป็นสิว ผื่น แผลพุพอง ตกกระ แผลริดสีดวงทวารหนัก ไมเกรน เบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ มะเร็งตับ สิ่งเหล่านี้สัมพันธ์กับการกินน้ำตาลมากเกินไป
- ทำให้อาการของโรคติดเชื้อที่เป็นอยู่ทวีความรุนแรงขึ้น เพราะ “เชื้อโรคทุกชนิดใช้น้ำตาลเป็นอาหาร
- นอกจากจะมีผลต่อผู้ใหญ่แล้วยังมีผลต่อเด็กอีกด้วย เพราะถ้าหากเด็กกินน้ำตาลในปริมาณที่มากจนเกินไป จะทำให้เด็กเป็นโรคกระดูกเปราะและฟันผุได้ และอาจเป็นคนโกรธง่าย ไม่มีสมาธิในสิ่งที่ทำอยู่
- ทำให้อารมณ์แปรปรวน แม้ว่าการกินน้ำตาลจะทำให้รู้สึกดีขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปผลที่ตามมาก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิดค่ะ เพราะมีการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Public Health Journal ซึ่งติดตามผลจากคนกว่า 9,000 คน พบความเชื่อมโยงระหว่างภาวะซึมเศร้ากับการรับประทานน้ำตาลและอาหารฟาสต์ฟู้ด ว่า ผู้ที่รับประทานอาหารขยะติดต่อกัน 6 ปี เกือบ 40% มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นโรคซึมเศร้า เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารขยะซ้ำยังเกิดภาวะดื้ออินซูลินและสมองยังหลั่งสารโดปามีน (dopamine) ซึ่งเป็นสารความสุขน้อยลงอีกด้วย
รู้กันแบบนี้แล้ว เพื่อนๆต้องระมัดระวังการทานน้ำตาลเกินขนาด อย่ากินตามใจปาก ควรกินอย่าพอเหมาะ แต่จะเลี่ยงโดยไม่กินเลย ก็นับว่าไม่ดี เพราะยังไงเสีย ร่างกายคนเราก็ยังต้องการพลังงานจากน้ำตาลอยู่ดี ซึ่งการไดเอตน้ำตาลเป็นวิธีที่จะทำให้เราสามารถลดการบริโภคน้ำตาลลงได้ ไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายสูงถึงขนาดเลิกบริโภคน้ำตาลให้ได้ แต่แค่เพียงลดปริมาณน้ำตาลลงได้จนอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีสืบไปในอนาคตค่ะ