วิตามินซี ทานแค่ไหนถึงจะพอดี ข้อคิด สะกิดผู้ทาน
วิตามินซี มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและสภาวะในตอนนั้นๆ ซึ่งการทานมากเกินไป จะทำให้เกิดนิ่วจากกรดออกซาลิกและกรดยูริกได้ การรับประทานแมกนีเซีย วิตามินบี 6 และดื่มน้ำมากๆ จะช่วยป้องกันได้ แต่บางครั้งที่การทานในปริมาณสูง คือมากว่า 10 กรัมต่อวัน
อาจจะก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ เช่น อาการท้องร่วง ปัสสาวะบ่อย และผื่นขึ้นตามตัวและผิวหนัง หากคุณมีอาการดังกล่าว ควรลดปริมาณการทานลง และสำหรับผู้ป่ายโรคมะเร็งที่กำลังอยู่ในช่วงฉายแสงหรือให้เคมีบำบัด ไม่ควรรับประทานวิตามินซีเพราะอาจไปเปลี่ยนผลการตรวจได้ นอกจากนี้วิตามินซีจะถูกขับออกจากร่างกายภายใน 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น หลังการรับประทาน ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารในกระเพาะด้วย และการรักษาระดับวิตามินซีในเลือดให้สูงอยู่ตลอดเวลาจึงถือเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพ
เกร็ดความรู้เรื่องวิตามินซี
- คนที่ต้องไปตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เช่นมะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ จึงควรบอกแพทย์ว่าคุณกำลังทานวิตามินซีอยู่ การวินิจฉัยจะได้ไม่ผิดพลาด เพราะวิตามินซีจะทำให้ไม่พบเลือดในอุจจาระ การตวรจมะเร็งในลำไส้จึงอาจคลาดเคลื่อนได้
- คนที่เป็นเบาหวานควรทราบว่าค่าที่ได้จากการตรวจหาน้ำตาลในปัสสาวะอาจไม่ถูกต้อง หากคุณยังรับประทานในปริมาณสูง
- ยารักษาโรคเบาหวาน เช่น คลอร์โพรพาไมด์ (ไดอะบินีส) และยาในกลุ่มซัลฟา อาจมีประสิทธิภาพด้อยลง หากรับประทานร่วมกับวิตามินซี
- คนที่เป็นโรคเบาหวานชนิด 2 หรือคนที่เป็นความดันโลหิตสูง สามารถลดความดันโลหิตลงได้ เพียงรับประทานวิตามินซีวันละ 500 มก.
- คนที่มีโรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลให้มีเหล็กสะสมในร่างกายมาก เช่น ทาลัสซีเมีย หรือฮีโมโครมาโตซิส ไม่แนะนำให้รับประทานวิตามินซีปริมาณสูง
- หากทานเกินวันละ 750 มก.ต่อวัน ควรทานแมกนีเซียมเสริมด้วย เป็นการป้องกันการเกิดนิ่วในไตที่ได้ผลดี
- ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ทำลายวิตามินซีได้ ดังนั้นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองที่มีก๊าซชนิดนี้หนาแน่น จึงควรรับประทานเสริม
- หากทานยาคุมกำเนิด ควรทานวิตามินซีเพิ่ม
- หากรับประทานแอสไพริน แนะนำให้เพิ่มปริมาณการทนวิตามินซีขึ้น เพราะแอสไพรินจะทำให้วิตามินซีถูกขับเร็วถึง 3 เท่า
- หากทานโสม ควรเว้นระยะสัก 2 ชั่วโมง ก่อนหรือหลังรับประทานวิตามินซี หรือแม้แต่อาหารที่มีวิตามินซีสูง
- เพื่อบรรเทาอาการหวัด ให้รับประทานวันละ 2 เวลา ในปริมาณ 1,000 มก. เพราะพบว่าจะช่วยลดระดับฮิสตามีนในเลือดลงถึงร้อยละ 40 (ฮิสตามีนเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการน้ำมูกน้ำตาไหลนั้นเอง)
- ศัตรูของวิตามินซีคือ น้ำ การปรุงอาหาร ความร้อน แสง ออกซิเจน การสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ลดประสิทธิภาพลง
รู้หรือไม่ว่า??
- ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
- จะถูกใช้ให้หมดไปอย่างรวดเร็วอยู่ตกอยู่ในภาวะเครียด
- มีหน่วยวัดเป็น มก.
- ป้องการการเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชันของคลอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี หรือที่เรียกว่า แอลดีแอล
- ผู้ที่สูบบุหรี่และผู้สูงอายุ ต้องการวิตามินซีเพิ่มขึ้น เพระร่างกายสูญเสียวิตามินซี 25-100 มก.ต่อการสูบบุหรี่หนึ่งมวน
- ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันอยู่ที่ 60 มก. แต่ถ้าอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรแนะนำให้ทาน 70-95 มก.
- แหล่งวิตามินซีที่ดีที่สุด คือ ผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ตระกูลเบอรรี่ ผักใบเขียว แคนตาลูป มะเขือเทศ มันฝรั่ง ดอกกะหล่ำ และพริกไทย
- โรคที่เกิดจากการขาดวิตามิน คือโรคเลือดออกตามไรฟัน
- ขนาดที่แนะนำให้รับประทานคือ 500 มก.ไปจนถึง 4 กรัมต่อวัน (แต่ควรหยุดพักการทานวิตามินซีที่เป็นลักษณะเม็ดบ้าง เพื่อให้ตับไม่ทำงานนัก เพราะในแต่ละวัน เราเองก็ทานอาหารที่มีปริมาณวิตามินซีอยู่แล้ว ถ้ายิ่งเสริมไปอีกมากๆ จะกลายเป็นสะสมนะค่าาา)
- วิตามินซีจากโรสฮิปหรือผลกุหลาบจะมีไบโอฟลาโวนอยด์และเอนไซม์อื่นๆที่ช่วยให้วิตามินซีแตกตัวได้ดี จึงถือเป็นแหล่งตามธรรมชาติที่ดีที่สุด (วิตามินซีถูกสร้างขึ้นที่ส่วนใต้ดอก ซึ่งถูกเรียกว่า "ฮิป")